สายพระป่าพระกรรมฐานพระทั่วไปเครื่องรางของขลัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 29 มกราคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    ปิิดแล้วครับ


    อมตะเหรียญมงคล เหรียญพระครูขี้หอม เถระผู้บูรณะองค์พระธาตุพนม





    “เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก” หรือ “พระครูขี้หอม” พระเถราจารย์แห่งวัดโพนสะเม็ก กรุงเวียงจันทน์ของลาว เลื่องลืออิทธิฤทธิ์ไปทั่วสองฝั่งแม่น้ำโขงในอดีต เมื่อกว่า 478 ปีมาแล้ว จนเป็นที่เคารพศรัทธาแก่ราษฎร และในราชสำนักล้านช้าง



    ท่านเป็นเถระที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านช้าง ปลายศตวรรษที่ 22 ช่วง พ.ศ.2233-2235 ได้มาบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุพนม ครั้งที่ 5 นาน 3 ปีจึงแล้วเสร็จ

    พระครูขี้หอม กำเนิดเมื่อจุลศักราช 993 ปีมะแม ตรงกับ พ.ศ.2174 ณ เมืองโพพันลำ (ปัจจุบันคือบ้านกาลืม หมู่ 5 ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี) โยมบิดา-มารดาชื่อ ท้าวอุทรและนางผุสดี

    อายุ 8 ปีโยมบิดาฝากเรียนหนังสือกับท่านญาคูลืมบอง ที่วัดโพพันลำ อ.บ้านผือ อายุ 15 ปี บรรพชาเป็นเณรจัว มีญาคูลืมบอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ถ่ายทอดวิชาไสยเวทและคาถาอาคมให้ แล้วนำตัวไปฝากเป็นศิษย์พระครูยอดแก้ว วัดยอดแก้ว ต.เวียงคุก อ.เมือง จ.หนองคาย อายุ 20 ปี จึงอุปสมบท โดยพระสงฆ์ 500 รูปนั่งหัตถบาสในโบสถ์น้ำ

    หลังอุปสมบท 1 พรรษา พระยาสุริยวงศาธรรมิกราช กรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง ทรงพระราชทานสมณศักดิ์เป็น“พระครู” พำนักที่วัดโพนสะเม็ก แล้วจาริกไปภาคใต้ของลาว ก่อนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูหลวงโพนสะเม็ก เป็นพระสังฆราชแห่งนครจำปาศักดิ์

    พ.ศ.2263 พระราชครูฯ ได้อาพาธและมรภาพลงเมื่อสิริอายุได้ 90 ปี โดยอัฐิธาตุส่วนหนึ่งได้บรรจุไว้เจดีย์นอกกำแพงแก้วชั้นที่ 2 หลังองค์พระธาตุพนม

    พ.ศ.2512 พระเทพรัตนโมลี (แก้ว อุทุมมาลา) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น 3 รุ่นคือ 1. เหรียญเจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก (พระครูขี้หอม) 2. เหรียญพระครูศิลาภิรัต(หมี บุบผาชาติ) 3. เหรียญพระครูวิโรจน์รัตโนบล(รอด นันตโร)

    เพื่อรำลึกถึงบูรพาจารย์และผู้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุพนม ไว้แจกจ่ายผู้มาทำบุญในวัด

    เหรียญพระครูขี้หอมรุ่นนี้ มีเนื้อทองแดงชุบนิกเกิล เนื้อทองแดงกะไหล่เงิน เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อทองแดงรมดำ แต่ไม่ทราบจำนวนที่จัดสร้างแน่ชัด

    ด้านหน้าเหรียญ ลักษณะเป็นเหรียญอาร์ม มีหูห่วง ขอบเหรียญเป็นเส้นสันนูน มีลวดลายตามโค้งขอบเหรียญ กลางเหรียญมีพระครูขี้หอมนั่งท่าลักษณะคล้ายพระพุทธรูปปางมารวิชัยเต็มองค์บนแท่นฐาน ด้านล่างสลักตัวหนังสือ 2 บรรทัดคำว่า “หลวงปู่เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก”และ “หลวงปู่ขี้หอม”

    ด้านหลังเหรียญ แบนราบ ตรงกลางเหรียญประดิษฐานพระธาตุพนมลอยนูนเด่น องค์เดิมที่ยังไม่ล้มทะลายลง มีลวดลายจุดไข่ปลาจากชั้นที่ 2 ขึ้นไปสู่ยอดฉัตรที่เจ้าราชครูฯได้บูรณะไว้ ด้านล่างสลักตัวหนังสือนูน “วัดพระธาตุพนม”

    ท่านเจ้าคุณพระเทพรัตนโมลี อดีตเจ้าอาวาสวัด ได้อารธนานิมนต์พระเกจิชื่อดังในจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียงหลายรูปมาประกอบพิธีพุทธาภิเษก

    เหรียญรุ่นนี้มีพุทธคุณครบทุกอย่าง ดีทุกทาง กล่าวขวัญกันว่าผู้ที่มีวัตถุมงคลห้อยติดตัวไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด ที่มีพระธาตุพนมประดิษฐานในเหรียญ ถือว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคล
    เปิดให้บูชา 499 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ


    IMG_20250713_150347_copy_767x1065.jpg IMG_20250713_150340_copy_732x1085.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2025 at 15:26
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    ปิดแล้วครับ

    หลวงปู่ทวดงาแกะ
    เปิดให้บูชา 1499 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    IMG_20250718_092743 (1).jpg IMG_20250718_092750 (2).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2025 at 15:26
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    ปิดแล้วครับ

    สร้อยข้อมืองาสะเด็น
    งากำจัด-งากำจาย ( งาสะเด็น )

    งากำจาย หรืองาสะเด็น เกิดจากช้างสองตัวต่อสู้กัน เพื่อแย่งความเป็นใหญ่หรือแย่งตัวเมียกัน แล้วเกิดการแตกหักกระจายออกของชิ้นส่วนงา ลงบนพื้นดินส่วนใหญ่พวกพรานป่าจะเป็นผู้พบเห็นแล้วนำกลับมาบูชา

    งากำจัด คืองาช้างที่แตกหักออก ในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ เกิดจากการที่ช้างมีอาการตกมันไล่อาละวาด แล้วเอางามาแทงกับต้นไม้ทำให้งาหักคาอยู่ แล้วมีผู้ไปพบเห็นนำมาพกติดตัว

    ทั้งงากำจัดและงากำจาย ถือว่าเครื่องรางของขลัง ประเภททนสิทธิ์ มีดีในตัวมีความศักดิ์สิทธิ์ มีเทพปกปักรักษา โดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสก แต่ถ้าได้นำไปให้ครูบาอาจารย์ปลุกเสกซ้ำอีก ก็จะเพิ่มความเข้มขลังเป็นหลายเท่าทวีคูณ นับว่าเป็นของหายากและมีคุณค่ายิ่ง ถือว่าเป็นโชคดีของผู้ที่ได้ครอบครอง ส่วนพุทธคุณนั้นเชื่อกันว่า ใครได้บูชาหรือพกติดตัวแล้ว จะดลบันดาลให้เกิดเป็น เมตตา มหาอำนาจ เกิดบารมีเป็นที่เกรงขามต่อศัตรู อีกทั้งยังปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่าง ๆ ทั้งคุณไสย์ คุณผีและคุณคนได้ทุกประการ มีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
    เปิดให้บูชา 599 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    U19744266388852032902549921.jpg U19744266388852032916612252.jpg U19744266388852032929112143.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2025 at 21:03
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    นางกวักงาแกะพ่อเดิมชื้นใหญ่
    หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเลื่องลือในด้านวิทยาอาคมแกร่งกล้าและเข้มขลังของจังหวัดนครสวรรค์ ได้รับการยกย่องให้เป็น "เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว" เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะชาว จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันยังคงแวะเวียนไปกราบนมัสการพระรูปเหมือนหลวงพ่อเดิมขนาดเท่าองค์จริงที่ประดิษฐาน ณ มณฑปวัดหนองโพ อยู่เป็นเนืองนิจ อัตโนประวัติหลวงพ่อเดิม ท่านเกิดในสกุล ภู่มณี เมื่อวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2403 โยมบิดาชื่อ นายเนียม ภู่มณี โยมมารดาชื่อ นางภู่ ภู่มณี ประกอบอาชีพทำนา ตอนเด็กๆ ร่ำเรียนเขียนอ่านที่วัดหนองโพ จนอายุครบบวชในปี พ.ศ.2423 จึงอุปสมบท ณ วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดย หลวงพ่อแก้ว วัดอินทาราม (วัดใน) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "พุทธสโร" หลังจากนั้นเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองโพ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและท่องพระคัมภีร์วินัย ท่านได้ศึกษาวิทยาคมกับนายพัน ชูพันธ์ ผู้ทรงวิทยาคุณแห่งบ้านหนองโพ และหลวงพ่อมี วัดบ้านบน จ.นครสวรรค์ นอกจากนี้ยังได้ศึกษาด้านวิปัสสนากับหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง จ.นครสวรรค์ จนมีความเชี่ยวชาญและแตกฉานหลวงพ่อเดิมได้สร้างวัตถุมงคลมากมายหลายรุ่น ซึ่งปรากฏความเข้มขลังเป็นที่เลื่องลือ ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อขจรไกล ชาวบ้าน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้ไกล พากันไปเข้าไปกราบนมัสการฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ขอให้รดน้ำมนต์ และขอวัตถุมงคลไว้ติดตัวมากมาย หลวงพ่อเดิมยังเป็นพระนักพัฒนา ท่านสร้างถาวรวัตถุภายในวัดมากมาย อีกทั้งก่อสร้างถาวรวัตถุและปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ใน จ.นครสวรรค์ ท่านได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมา จนเมื่อชราภาพคณะสงฆ์จึงได้เลื่อนขึ้นเป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ท่านเปรียบเสมือนร่มโพธิ์และร่มไทรที่มีกิ่งก้านสาขาแผ่ออกไปอย่างไพศาล เป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธศาสนิกชนไม่เลือกชั้นวรรณะ ท่านมรณภาพอย่างสงบในปี พ.ศ.2494 ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย สิริอายุรวม 92 ปี 71 พรรษา ปัจจุบันวัตถุมงคลที่ท่านสร้างรวมทั้งเครื่องรางของขลัง ล้วนเป็นที่นิยมอย่างสูงทั้งสิ้น และส่วนใหญ่โดยเฉพาะเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง อาทิ มีดหมอ งาแกะสิงหราช ฯลฯ ท่านจะสร้างโดยใช้ “งาช้าง” ทั้งสิ้น จากหลักฐานตามหนังสือ “กิตติคุณหลวงพ่อเดิม พระครูนิวาสธรรมขันธ์ วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์” ซึ่งเรียบเรียงโดย ธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวถึงอุปนิสัยของหลวงพ่อเดิมสรุปได้ว่า …ท่านชอบเลี้ยงสัตว์พาหนะโดยเฉพาะช้างและม้า เพื่ออาศัยในการบรรทุกหรือลากเข็นสัมภาระต่างๆ ในช่วงที่ท่านชราภาพท่านก็ได้อาศัยขี่หลังช้างอีกด้วย เมื่อช้างตายลงหลวงพ่อเดิมก็จะเก็บงาช้างเอาไว้ บางทีลูกศิษย์ลูกหาก็หามาฝาก หรือบางทีก็มีผู้นำมาขาย ท่านก็จะเก็บรักษาไว้ เมื่อมีเวลาว่างก็จะนำมาแกะเป็นรูปองค์พระบ้าง นางกวักบ้าง หรือเครื่องรางของขลังต่างๆ อาจสืบเนื่องจาก “งาช้าง” นอกจากจะมีคุณวิเศษเฉพาะตัวแล้ว ยังสามารถใช้ทดสอบพิษในอาหารได้ด้วย พระเกจิคณาจารย์หลายๆ รูปจึงมักนิยมนำมาแกะเป็นองค์พระ และเครื่องรางของขลังต่างๆ …งาแกะ หลวงพ่อเดิม ที่แกะเป็นองค์พระจะมี พระปิดตา นางกวัก พระประจำวัน ฯลฯ ส่วนเครื่องรางของขลังที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมสูงเห็นจะเป็น “มีดหมอหลวงพ่อเดิม” หลวงพ่อเดิม สร้าง “มีดหมอ” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2470 เพื่อแจกลูกศิษย์ที่อยู่ห่างไกลด้วยห่วงว่าจะได้รับอันตรายของคุณไสยหรือพวกอันธพาล การสร้างครั้งแรกนี้ขนาดของมีดหมอค่อนข้างใหญ่ เพื่อให้ควาญช้างได้เหน็บพกติดกาย เรียกกันว่า “มีดควาญช้าง” ต่อมาลดขนาดลงมาเป็นขนาดกลางและขนาดเล็กที่เรียกกันว่า “มีดหมอขนาดปากกา”การสร้าง “มีดหมอ” ของหลวงพ่อเดิมนั้น มีองค์ประกอบคือ ด้ามจะทำจากไม้และงาช้าง, ฝักมีดทำจากไม้และงาช้าง รัดด้วยแหวนคาดฝักซึ่งอาจทำจากเงิน หรือเป็นแบบสามกษัตริย์ คือ ทองคำ เงิน และนาก, ใบมีดและกั่นมีด, แผ่นประกับกั่นมีด 2 แผ่น เป็นเงินและนาก สุดท้ายคือตะกรุด หลวงพ่อเดิมยังได้ใส่ผงวิเศษในด้ามมีดพร้อมลงพระคาถานานัปการ อาทิ คาถาหัวใจอิติปิโส คาถาพระเจ้าห้าพระองค์ คาถาอาวุธ 5 ประการ ฯลฯ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณวิเศษของ “มีดหมอหลวงพ่อเดิม” จะครบเครื่องครบครันขนาดไหน แต่ก็มีข้อห้ามเช่นกัน คือถ้าไม่ใช่คนดี คุณวิเศษก็ไม่ประสิทธิผล ถัดมาก็ “งาแกะสิงหราช” ซึ่งมี 2 แบบ คือ แบบสิงหราชธรรมดา จะมีลวดลายก้นหอยตามตัว ขาทั้งสี่วางบนพื้นราบ กับ แบบสิงหราชคำรณ ซึ่งแตกต่างกันตรงขาหน้าขาหนึ่งจะยกเท้าขึ้นในลักษณะกางเล็บออกตะครุบเหยื่อการพิจารณางาแกะ หลวงพ่อเดิม เรียกได้ว่ายากเอาการอยู่ เนื่องด้วยการแกะนั้นเป็นงานฝีมือทำการแกะทีละตัวจึงไม่มีรูปแบบมาตรฐานเป็นที่แน่ชัด หลักเบื้องต้นในการพิจารณาคือ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นงาแท้ๆ ก่อน โดยสังเกตจากธรรมชาติของงาคือ จะมีสีเหลืองกลมกลืนกันทั้งผิว

    เปิดให้บูชา 2999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทชิ้นนี้ชิ้นใหญ่หายากเก่ายุคต้น กว้าง 2.5 ซม. สูง 3.7ซม.ขนาดใหญ่แบบนี้กำลังเคยเจอครับ
    IMG_20250720_143309 (1).jpg IMG_20250720_143314 (1).jpg IMG_20250720_143336 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2025 at 17:26
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    พระผงหลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก
    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก วัดบางแหวน จังหวัดชุมพร พ.ศ.2500 เนื้อดินผสมว่านด้านหลังมีรอยนิ้ว

    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก วัดบางแหวน จังหวัดชุมพร เนื้อผงผสมว่านด้านหลังมีรอยนิ้วมือ จัดสร้างเป็นรุ่นแรกของท่านเมื่อปี พ.ศ.2500 หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอภินิหารแปลกกว่าพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ คือหลวงพ่อรุ่งท่านเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียวที่สามารถไว้หนวดเคราได้ สาเหตุก็คือหนวดเคราของท่านนั้นไม่สามารถโกนได้ คือโกนไม่เข้านั่นเองครับ แต่สำหรับผมของท่านนั้นสามารถโกนได้ หนวดเคราของท่านนั้นต่อให้มีดโกนที่คมขนาดไหนก็ตามก็โกนไม่เข้า จนชาวบ้านพากันเรียกท่านว่า "หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก" ตามคุณวิเศษของท่าน หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งจะแข็งจนมีดโกนโกนไม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าคุณวิเศษข้อนี้ของท่านคงเกิดขึ้นมาหลังจากที่ท่านได้บวชและบำเพ็ญภาวนาเป็นเวลานานแล้ว ต่อมาเมื่อหนวดเคราของท่านยาวขึ้นมา ก็ไม่สามารถโกนได้ เป็นที่เล่าขานกันไปทั่ว ทางเจ้าคณะจังหวัดชุมพรก็ได้ส่งพระสงฆ์มาทำการสอบสวน และจัดการโกนหนวดเคราของท่านออก แต่พระสงฆ์ที่เจ้าคณะจังหวัดส่งมานั้น โกนหนวดเคราของท่านเท่าไรก็โกนไม่เข้า ทั้งๆ ที่ใบมีดโกนคมกริบ โกนเส้นผมสบายๆ แต่พอมาโกนหนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งกลับโกนไม่เข้า พยายามโกนเท่าไรก็โกนไม่เข้าเหมือนกับว่าหนวดเคราของท่านเป็นเหล็กอย่างนั้นแหละ พระสงฆ์ที่มาทำการสอบสวนหลวงพ่อรุ่งจึงกลับไปรายงานเจ้าคณะจังหวัดว่า "โกนไม่เข้า" เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าคณะจังหวัดจึงรายงานเรื่องมายังคณะสงฆ์ผู้ปกครองที่กรุงเทพฯ ฝ่ายคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ เมื่อทราบรายงานก็ได้ส่งพระสงฆ์เจ้าหน้าที่ ลงไปสอบสวนและพิสูจน์ที่จังหวัดชุมพร คณะสงฆ์ที่ลงไปทำการสอบสวนและพิสูจน์การไว้หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งก็กลับมารายงานหัวหน้าคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ ว่า "โกนไม่เข้า" เช่นกัน นี่ก็เป็นเอกลักษณ์และคุณวิเศษของหลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ปกติธรรมดาหลวงพ่อรุ่งท่านจะบำเพ็ญภาวนาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับผู้คนมากนัก ในวัดบางแหวนสมัยที่ท่านยังอยู่ จะมีสัตว์ป่าลงมาอาศัยหากินอยู่เสมอ โดยเฉพาะไก่ป่า จะลงมาหากินเศษอาหารที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้วตามลานวัดเป็นจำนวนมากทุกวัน แต่หลังจากหลวงพ่อรุ่งมรณภาพแล้ว สัตว์ป่าเหล่านั้นก็ไม่กล้าลงมาอาศัยหากินในบริเวณวัดบางแหวนเหมือนแต่ก่อน สมัยที่หลวงพ่อรุ่งยังมีชีวิตอยู่ชาวบ้านได้เห็นอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อรุ่งเสมอๆ อย่างที่กุฏิของท่านทำด้วยแฝกมุงด้วยหญ้าคา ปลูกสร้างอยู่กลางป่า วันหนึ่งไฟป่าลุกลามมาไหม้ต้นไม้และหญ้าคารอบๆ กุฏิของท่าน แต่ไฟป่าหาได้ไหม้กุฏิของท่านแม้แต่น้อย เวลาชาวบ้านมาขอตะกรุดจากท่าน ท่านก็จะทำตะกรุดและรวบรวมปลุกเสกพร้อมๆ กันหลายดอก ขณะที่ท่านกำลังบริกรรมปลุกเสกอยู่นั้น ตะกรุดบางดอกจะละลายไปเอง เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้ว หลวงพ่อรุ่งท่านบอกว่าตะกรุดดอกที่ละลายนั้นแสดงว่าไม่ขลังนำไปใช้ไม่ได้ผล เข้าใจว่าท่านจะปลุกเสกด้วยเตโชกสิณ ตะกรุดดอกที่ละลายคือไม่อาจต้านทานความร้อนได้ ตะกรุดของหลวงพ่อรุ่งจะส่งผลในทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุต รวมทั้งป้องกันไฟได้ด้วย เคยมีคนไปพบรูปเหมือนและตะกรุดของท่านตกอยู่ในกองไฟที่ชาวบ้านเขาเผาป่าเพื่อทำไร่ แต่ปรากฏว่ารอบๆ บริเวณนั้นไม่ถูกไฟไหม้ วัตถุมงคลของท่านนั้นส่วนมากจะเป็นตะกรุด ผ้ายันต์เสียเป็นส่วนใหญ่ พระเครื่องของท่านนั้นมีอยู่เพียงรุ่นเดียวคือ พระผงรูปเหมือน และเหรียญรูปท่านที่สร้างในปีพ.ศ.2500 โดยสร้างเป็นรูปท่านแต่มีหนวดมีเครา สภาพสวยสมบูรณ์

    เปิดให้บูชา 699 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทพิมพ์ใหญ่ครับ
    IMG_20250720_143231 (1).jpg IMG_20250720_143234 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2025 at 17:52
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    พระยอดกรุกำแพงเตาทุเรียน พระสุโขทัย_กำแพงครับ
    ยอดขุนพลพิมพ์ใหญ่กรุเตาทุเรียง เผาด้วยเตาแข็งแกร่งใจแกร่งดั่งยอดขุนพล ตำนานอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนพระร่วงเจ้า จังหวัดสุโขทัย... มรดกโลก สุดยอดพุทธคุณของพระยอดขุนพล... จะได้เป็นใหญ่เป็นโตเหนือผู้คน มหาอำนาจมหาเดช มหาอุตถ์ ดั่งชื่อพระยอดขุนพล พระพิมพ์นี้เหมะสำหรับ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการทั่วไป

    เปิดให้บูชา 3999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทสวยสมบูรณ์ครับ
    IMG_20250720_143348_copy_945x1338.jpg IMG_20250720_143352_copy_1002x1511.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2025 at 17:26
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    ปิดแล้วครับ


    IMG_20250720_152006.jpg IMG_20250720_152003.jpg เหรียญหลวงพ่อสาครปี50
    เหรียญหลวงหลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ที่ระลึก สร้างพระประธาน สวนพุทธลานธรรมโรงเรียนบ้านค่าย ระยอง ปี ๒๕๕๐ เนื้อทองแดงผิวไฟ ตอกโค๊ตชัดเจน เป็นอีกรุ่นที่ทันหลวงพ่อปลุกเสก แต่สนนราคายังเบาๆ หายากน่าเก็บน่าใช้อีกละคราฟ **************************************************************หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการพระเครื่อง ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆ นามเดิมว่า สาคร ไพสาลี เกิดในกระกูลชาวไร่-ชาวนา เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ ซึ่งตรงตามคติโบราณที่ว่าบุคคลนั้นจะมีความพิเศษอยู่ในตัว หากถือปฏิบัติก็จะพบกับความสำเร็จเจริญยิ่งๆขึ้นไปหากร้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และบุคคลที่เกิด ในราศีนี้จิตจะฝักใฝ่ด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์คาถา อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปี โยมมารดาและญาติพี่น้องจึงได้ร่วมกันจัดพิธีอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุที่วัดหนองกรับเมื่อวันพุธที่ 4มิถุนายน 2501 โดยมีพระครูจันทโรทัย(หลวงพ่อดิ่ง)เป็นพระอุปัชฌายะเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอธิการเคียง วัดไผ่ล้อมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า”มนูญโญ” เมื่ออุปสมบทแล้วได้เดินทางไปจำพรรษาที่ วัดละหารไร่ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ลป.ทิมเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ อย่างจริงจังจึงได้รับ การถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ทิมจนหมดสิ้นโดยมิได้ปิดบังแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเรียนได้กระจ่างชัดรู้จริง สามารถปฏิบัติได้เมื่อมีความเชี่ยวชาญในพระคาถาต่างๆ ที่เรียนแล้วด้วยใจรักในด้านนี้จึงได้เสาะแสวงหาศึกษาวิชาอาคมจาก หลวงพ่อเพ่ง สาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเพ่งรูปนี้เดิมเป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ฯ จึงได้ศึกษาวิชาอาคมจาก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มีวิชาด้านคงกระพันเป็นเยี่ยมเขียนอักขระลงบนแผ่น ตะกั่วเพียงตัวเดียวให้คนทดลองยิงก็ยิงไม่ออกเมื่อ หลวงพ่อสาคร ได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อเพ่งเป็นอย่างดีแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ทิมให้ไปศึกษาวิชาจาก หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ซึ่งหลวงพ่อสาครก็ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินถ่ายทอดวิชาให้เป็นอย่างดีหลังจากศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่หินแล้ว หลวงพ่อสาคร ก็เดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงปู่โสม วัดบ้านช่อง อ.พานทอง จ.ชลบุรีซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้าอีกองค์หนึ่งของภาคตะวันออก หลวงพ่อสาคร ก็ได้ศึกษาจนกระทั่งจบวิชาความรู้ต่างๆ ด้วยนิสัยใฝ่รู้หมั่นศึกษา หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจารย์ต่างๆอีกหลายองค์ อาทิ พ.ศ. 2503 ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า พ.ศ. 2506 ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวัง อ.บางละมุง ชลบุรี พ.ศ. 2518 เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุพจน์ ที่ประเทศเขมร พ.ศ. 2523 ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ พ.ศ. 2525 ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็น วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา พ.ศ. 2526 ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พ.ศ. 2527 ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ. 2528 ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรี ฯลฯ หลวงพ่อสาคร ยังได้ศึกษากับพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาส ในปีพ.ศ. 2508 พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอาวาส ลำดับที่9 วัดหนองกรับได้มรณภาพลง ทายกทายิกาชาวบ้านหนองกรับได้เดินทางไปหา หลวงปู่ทิม ที่วัดละหารไร่เพื่ออาราธนา หลวงพ่อสาคร มนูญโญ ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาต หลวงพ่อสาคร จึงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงแม้ว่า หลวงพ่อสาคร ท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดทิ้ง หลวงปู่ทิม ผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินทางไปกราบนมัสการดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพ ลงในปี 2518 หลวงพ่อสาคร ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการจัดบำเพ็ญกุศลศพ หลวงปู่ทิม อย่างเต็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิอย่างแท้จริงจนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอื่นๆของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชมเชย หลวงพ่อสาคร กันทั่วหลวงพ่อสาครนอกจาก จะสนใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็มิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพระธรรมวินัย และเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200ปีและเคยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนา สงฆ์จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุสงฆ์ สามเณรและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไปด้วย ความสามารถพิเศษของหลวงพ่ออีกอย่างหนึ่ง คือมีความชำนาญในด้านปฏิมากรรมและวิจิตรศิลป์ การแกะสลัก การปั้นลวดลายและวาดภาพฝาผนัง ตลอดจนการลงรักปิดทอง ท่านจึงได้ลงมือบูรณะและก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆด้วยตัวท่านเอง ในปีพ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท “พระครูมนูญธรรมวัตร” หลวงพ่อสาคร ได้สร้างพระเครื่อง วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2508 มีด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบลานเก่าสีดำหลวงพ่อได้ นำใส่บาตรแล้วเผาไฟ ทำให้มีเนื้อแกร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทิม เนื้อผงใบลานสีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิมพ์รัศมีหลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2510 ในงานทอดผ้าป่า พระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่างมากมาย ช่วยคุ้มครองชีวิตแก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายราย ต่อมาใน ปี 2524 หลวงพ่อสาคร ได้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ ผงของของหลวงปู่ทิม,ผงอิทธิเจหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจารย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครูบาคำหล้า จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจารย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิอาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไปศึกษามาหลวงพ่อสาคร ได้นำผงเหล่านี้มาสร้างเป็นสมเด็จพุทธนิมิต ซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากสร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบกับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้น กลับไม่เป็นอะไรเลยในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตองค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมาขอ สมเด็จพุทธนิมิตจาก หลวงพ่อสาคร ไปเป็นจำนวนมากหลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ ซึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหล่านี้ หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว ในปี2524 หลวงพ่อสาคร ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท หลวงพ่อสาคร ได้สร้างเหรียญปิดตารุ่นฉลองสมศักดิ์ ขึ้นด้านหลังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี้เป็นที่โจษขานกันมาอีก รุ่นหนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดระยองเพราะทำให้มีฐานะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะ เหรียญปิดตาหลวงพ่อสาคร นี่แหละหลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจริญรอย ตามคณาจารย์โดยแท้ด้วยศีลลาจารวัตรที่งดงามอีกรูปหนึ่งท่านเป็นพระที่สมถะมากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคมอันแก่กล้า หลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับ นับว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ ท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจากหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์มิขาดตกบกพร่อง หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ มรณภาพ ในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่18 กันยายน 2556

    เปิดให้บูชา 699 บาทค่าจัดส่ง50 บาทครับพร้อมตลับเงินครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2025 at 23:11
  8. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,633
    ค่าพลัง:
    +181
    พระปิดตา พิมพ์ปั้น เนื้อผงคลุกรัก หลวงพ่อแก้ว วัดปากทะเล
    พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พิมพ์ปั้น วัดปากทะเล จ.เพชรบุรี เป็นพระที่มีพิมพ์ทรงไม่มาตรฐาน เพราะเป็นการปั้นด้วยมือ แต่ละองค์จะมีขนาดและลักษณะที่แตกต่างกัน แต่อาจมีการคล้ายคลึงกันอยู่บ้างแต่ไม่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่ที่จะเห็นมีอยู่สองเนื้อด้วยกัน คือ เนื้อผงกะลา และเนื้อผงคลุกรัก หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่า หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ และ หลวงพ่อแก้ววัดปากทะเล เป็นพระเกจิคนละองค์กัน ซึ่งในความจริงแล้ว เป็นองค์เดียวกันครับ ________________ พระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดปากทะเล จ.เพชรบุรี เนื้อผงคลุกรัก ... ในบรรดาพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักที่มีชื่อเสียงสุดยอดของเมืองไทย และเป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทั่วไป คงจะไม่มีพระคณาจารย์องค์ใดที่มีชื่อเสียงไร้เทียมทานเกินไปกว่า “หลวงพ่อแก้ว” แห่ง “วัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี” ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่านิยมหรือในด้านประสบการณ์ ชื่อเสียงของหลวงพ่อแก้วนั้นถือเป็นหนึ่งในตำนานที่กล่าวขานมานานกว่าศตวรรษแล้ว ... สำหรับประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อแก้ว” วัดเครือวัลย์นั้นไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดเนื่องจากปรากฏบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับตัวท่านค่อนข้างน้อย แต่กล่าวกันว่าท่านเป็นชาวปากทะเล จ.เพชรบุรี เกิดราวๆ ปีพ.ศ.๒๓๔๐ บวชเรียนอยู่ที่วัดปากทะเล และชอบธุดงค์วัตรรอนแรมอยู่ตามป่าตามเขาเป็นประจำจนมีวิชาอาคมแก่กล้า ต่อมาประมาณปี ๒๓๖๔ หลวงพ่อแก้วท่านได้ธุดงค์มาปักกลดจำพรรษา ณ วัดเครือวัลย์ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงวัดร้างอยู่ในป่ารกชัฏและเต็มไปด้วยเถาวัลย์ไม้เลื้อย ระหว่างนั้นท่านก็ยังเทียวไปมาระหว่างวัดเครือวัลย์กับวัดปากทะเลอยู่เสมอ และด้วยความที่ท่านมีวัตรปฏิบัติที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา บวกกับมีคุณธรรมและเมตตาธรรมสูง จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านในละแวกนั้น มักมีญาติโยมมากราบไหว้และขอเครื่องรางของขลังจากท่านอยู่เสมอ ... ด้วยความที่หลวงพ่อแก้วสูงส่งไปด้วยเมตตาธรรมต่อสัตว์โลก ไม่ยินดียินร้ายกับและวางใจเป็นกลางแต่มีมุทิตาตาจิตเป็นพระธรรม ท่านจึงชอบสร้างพระปิดตา เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการไม่เพ่งโทษผู้อื่น เพราะท่านถือว่า..ใครใคร่ได้ลาภจงได้ลาภ ใครใคร่ได้บุญก็จงได้บุญนั่นเอง ... การสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบของพระปิดตา ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในยุคนั้น พระเครื่องของหลวงพ่อแก้วมีทั้งเนื้อผงพุทธคุณ เนื้อผงคลุกรักและเนื้อตะกั่ว และจัดสร้างขึ้นทั้งที่วัดปากทะเลและวัดเครือวัลย์ มีแบบพิมพ์ที่ในวงการพระเครื่องนิยมสืบเสาะหาสะสมมีด้วยกัน ๒ แบบ คือ “๑.แบบพิมพ์ปั้นลอยองค์” ซึ่งเป็นพระปิดตาของหลวงพ่อแก้วที่สร้างในยุคแรกๆ “๒.พิมพ์ครึ่งซีก” ซึ่งแยกออกเป็น “พิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก” และแยกประเภทย่อยออกได้ดังนี้ “พิมพ์หลังแบบ” “พิมพ์หลังเรียบ” “พิมพ์หลังเบี้ย” และ “พิมพ์หลังยันต์” ... กล่าวกันว่าพระปิดตาที่หลวงพ่อแก้วสร้างในยุคแรกๆ นั้น ท่านสร้างด้วยเนื้อผงพุทธคุณสีออกขาวก็มี สีออกเหลืองอ่อนบ้างแก่บ้างก็มี ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อแก้วเป็นพระที่ถือธุดงค์รอนแรมไปตามป่าเขาอยู่เป็นนิจ หลวงพ่อท่านจึงมักเสาะแสวงหาสิ่งของที่ดีๆ เก็บสะสมเอาไว้เสมอ เช่น เกสรดอกไม้และดอกไม้ต่างๆ ในบริเวณโป่ง เพราะโป่งเป็นที่ชุมนุมของสัตว์ป่านานาชนิด อุดมไปด้วยดอกไม้หอมที่คนและสัตว์ชอบ ยิ่งถ้าเป็นดอกไม้ที่มีตัวผึ้งหรือแมลงตอมอยู่ก็ถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีเสน่ห์อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาดอกไม้เหล่านี้มาได้ หลวงพ่อแก้วจึงเอามาทำเป็นผงพุทธคุณ และส่วนผสมที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งคือ “ไม้ไก่กุก” สำหรับไม้ไก่กุกนี้ ถือว่าเป็นของหายากมาก ทางด้านพุทธคุณนั้นนับว่าเป็นมหาเสน่ห์มหานิยมสูง ยิ่งถ้าได้พระอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้าปลุกเสกแล้วจะเป็นของดีที่ประเสริฐยิ่งนัก ... การสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อแก้วนั้น ท่านใช้ผงที่ลงเลขยันต์อักขระแล้วลบผงเอาไว้และผสมด้วยเกสรดอกไม้ที่เก็บเอามาจากโป่งในป่า ใช้ไม้ไก่กุกที่ตำเป็นผง ใช้ไคลเสมาหน้าอุโบสถบดละเอียดแล้วใช้น้ำจากหยดน้ำตาของน้ำที่หยดย้อยออกจากหินย้อยภายในถ้ำผสมกับน้ำผึ้ง ซึ่งส่วนผสมต่างๆ ยังมีอีกมากเจียระไนกันไม่หมดครับ ซึ่งระหว่างการสร้างพระปิดตาของหลวงพ่อแก้วนี้ จะมีทั้งภิกษุ สามเณรและชาวบ้านทั้งชายหญิงมาร่วมมือกันตลอดเวลาในการสร้าง ทำให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้เสียเป็นผัวเป็นเมียกันหลายคน จนพ่อแม่ของทั้งหญิงและชายไปฟ้องท่าน กล่าวหาว่าท่านทำให้ลูกสาวลูกชายของเขาต้องมีผัวมีเมียทั้งๆ ที่ยังไม่ควรจะมี แต่หลวงพ่อแก้วท่านก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อนักในคราแรก ... ครั้นต่อมาหลานสาวของท่านเองที่มาร่วมมือช่วยสร้างพระในตอนหลังเกิดชอบพอรักใคร่กันกับสามเณรศิษย์ของท่าน ซึ่งต่อมาสามเณรก็ได้สึกลาสิกขาบทไปได้กับหลานสาวของท่านเอง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้กินระยะเวลาเพียงแค่ไม่เกิน 3 วันเท่านั้น นั่นแหละ ท่านจึงเห็นว่าเป็นจริงและเชื่อว่าเป็นเพราะเสน่ห์มหานิยมที่เกิดจากผงพุทธคุณ ที่สร้างพระติดมือติดขันน้ำหรือปลิวตกลงไปในโอ่งน้ำ เมื่อต่างคนต่างดื่มกินจึงเกิดความรักใคร่กันขึ้น ... เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลวงพ่อแก้วจึงได้เปลี่ยนวิธีการประสมเนื้อพระเสียใหม่ โดยการนำเอาผงพุทธคุณผสมคลุกเคล้ากับรักให้เหนียวแน่นไม่หลุดง่ายเพื่อกันไม่ให้ผงปลิวหรือติดมือ ติดขันน้ำ พระปิดตาของหลวงพ่อแก้วมิใช่ว่าจะมีพุทธคุณดีทางเมตตามหานิยมเท่านั้น แม้แต่ทางคงกระพันชาตรีก็มีมิใช่น้อยเช่น
    เปิดให้บูชา 9999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ ธรรมชาติโกหกไม่ได้ครับผม
    เนื้อหาองค์จริงสวยแห้งมันจัดสวยสมบูรณ์ครับองค์นี้
    U19744266388863703822352321.JPG เปิดดูไฟล์ 6575423 U19744266388863703883289365.jpg U19744266388863703869226724.jpg
    IMG_20250720_133213.jpg IMG_20250720_133218 (1).jpg IMG_20250720_133207 (1).jpg IMG_20250720_133200 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2025 at 21:31

แชร์หน้านี้

Loading...